เจ้าอาการร้อนในมีแผลในปากนั้น
ทฤษฎีตะวันออกอย่างของไทยหรืออายุรเวทของอินเดียบอกว่า
เป็นได้ง่ายมากกับคนที่มีธรรมชาติที่ค่อนข้างร้อน
ซึ่งมักจะเรียกกันว่ามีธาตุไฟเป็นเจ้าเรือน และความที่มีธาตุไฟอยู่มาก
ก็เป็นธรรมดาอยู่เองที่ธาตุไฟที่ว่าจะกำเริบเอาได้ง่ายๆ ถ้ากินอาหารหรือมีพฤติกรรมที่ไปเพิ่มธาตุไฟในตัวเข้าไปอีก
คนที่ธาตุไฟกำเริบมักมีอาการ
เช่น ปวดแสบปวดร้อนในท้อง รุ่มร้อนตามเนื้อตัว ปากคอแห้ง กระหายน้ำบ่อย
เป็นแผลพุพองอักเสบ ตามผิวหนัง คล้ายๆ
กับว่าไฟที่มันกำเริบนั้นมาเผาผลาญเนื้อตัวเรายังไงยังงั้น
แผลที่ผุดขึ้นตามริมฝีปากด้านในหรือตามกระพุ้งแก้ม
ในทางแผนไทยเราก็ถือว่าเป็นอาการธาตุไฟกำเริบเหมือนกัน
ที่มักจะเรียกกันคุ้นปากคุ้นหูว่าร้อนในนั่นเอง
มานั่งไตร่ตรองดูแล้วคิดได้ว่า
การที่เลี่ยงของร้อนมากินอาหารหรือมีพฤติกรรมที่ช่วยให้ร่างกายเย็นนั้น
เป็นการระงับดับธาตุไฟโดยรวมๆ ในตัวเท่านั้น แต่แผลในปากนั้นมันคล้ายๆ
กับว่าธาตุไฟมันกำลังไปเผาผลาญอยู่ตรงนั้นแล้ว น่าจะต้องไปดับไฟตรงนั้นด้วย
แล้วก็ให้บังเอิญว่าเย็นวันนั้นเพื่อนอีกคนซื้อมังคุดติดมือมา
จึงได้คิดว่าเปลือกมังคุดนั้นมีรสฝาดซึ่งตามตำราบอกว่าช่วยสมานแผลได้ดี
อีกทั้งตำรายาไทยยังบอกอีกว่าเปลือกมังคุดใช้ทารักษาแผลเปื่อยพุพอง
ต้มชะล้างบาดแผลได้
ก็เลยจัดแจง
ดังนี้
1.เอาเปลือกมังคุดที่ผ่าครึ่งแล้ว 4 ซีก ต้มกับน้ำ 4 แก้ว ปล่อยให้เดือดนานอยู่ราว 10 นาที
2.ทิ้งให้เย็น แล้วก็เอาน้ำมาอมและกลั้วปากไปมา อมไว้สักพักแล้วก็บ้วนทิ้ง
เนื่องจากเปลือกมังคุดมีรสฝาดจัด พออมครั้งเดียวเท่านั้นรู้สึกว่าหลุมนรกในปากนั้นมันหดรัดทันตาเห็น ก็อม กลั้ว บ้วน จนกระทั่งน้ำเปลือกมังคุดที่ต้มไว้หมด พอวันรุ่งขึ้นแผลในปากที่ทำให้ทรมานมาหลายวันก็ดีขึ้น ปากที่ห้อยย้อยกลับเข้าที่ พออีกวันก็ยิ้มออก แผลหายสนิท
1.เอาเปลือกมังคุดที่ผ่าครึ่งแล้ว 4 ซีก ต้มกับน้ำ 4 แก้ว ปล่อยให้เดือดนานอยู่ราว 10 นาที
2.ทิ้งให้เย็น แล้วก็เอาน้ำมาอมและกลั้วปากไปมา อมไว้สักพักแล้วก็บ้วนทิ้ง
เนื่องจากเปลือกมังคุดมีรสฝาดจัด พออมครั้งเดียวเท่านั้นรู้สึกว่าหลุมนรกในปากนั้นมันหดรัดทันตาเห็น ก็อม กลั้ว บ้วน จนกระทั่งน้ำเปลือกมังคุดที่ต้มไว้หมด พอวันรุ่งขึ้นแผลในปากที่ทำให้ทรมานมาหลายวันก็ดีขึ้น ปากที่ห้อยย้อยกลับเข้าที่ พออีกวันก็ยิ้มออก แผลหายสนิท