2012-09-28

ดูแลรักษาหน้าใสด้วยสมุนไพร

ดูแลรักษาหน้าใสด้วยสมุนไพร

สูตรผสมจากพืชผัก (ว่านหางจระเข้)

สูตรผสม

ว่านหางจระเข้ 2 ใบสาหร่ายทะเล(พอสมควร)

วิธีผสม นำว่านหางจระเข้มาล้างน้ำให้สะอาดหั่นเอาเฉพาะวุ้นใสๆข้างในจากนั้นเป็นชิ้นเล็กๆปั่นรวมกับสาหร่ายทะเลที่แช่น้ำจนนิ่มและหมดสิ่งสกปรกจนละเอียดรวมเป็นเนื้อเดียวกัน จะได้เนื้อครีมข้นและเหนียวใช้สำหรับนำมาพอกกับหน้าที่สะอาดแล้วก่อนเข้านอน โดยพอกทิ้งไว้ประมาณ 15-20 นาทีจึงล้างออกด้วยน้ำสะอาด จะรู้สึกผิวหน้าสดชื่นและเต่งตึงขึ้นด้วยทำเป็นประจำสัปดาห์ละ 3-4 ครั้งภายในเวลาไม่ถึงเดือน จะสังเกตเห็นว่าผิวหน้าดูดีขึ้นอย่างเห็นได้ชัดก็จะเห็นความเปลี่ยนแปลงจนสามารถสังเกตได้

ที่มา : samoonpai.com

2012-09-27

มาดื่มน้ำชาจากสมุนไพรกันเถอะ

มาดื่มน้ำชาจากสมุนไพรกันเถอะ


หลาย ๆ ท่านอาจชื่นชอบการดื่มน้ำชาเป็นชีวิตจิตใจอยู่แล้ว แต่บางท่าที่ไม่เคยดื่มน้ำชา หรือไม่ชอบการดื่มน้ำชา ควรฟังทางนี้คะ เนื่องจากการดื่มน้ำชานั้นสามารถช่วยรักษาโรคได้ แต่ต้องเป็นน้ำชาสมุนไพรด้วยนะคะ เรามาดูกันซิว่าน้ำชาสมุนไพรชนิดไหนสามารถช่วยรักษาโรคอะไรได้บ้าง
น้ำชาจากเถาวัลย์เปรียง

ให้คุณนำเถาวัลย์เปรียบมาหั่นเป็นแว่น ๆ จากนั้นนำมาคั่วให้หอมแล้วชงน้ำดื่ม ช่วยให้ปัสสาวะคล่องขึ้นกว่าเดิม

น้ำชาจากเตยหอม
นอกจากช่วยบำรุงหัวใจ และขับปัสสาวะแล้ว ยังมีกลิ่นหอมรับประทานอร่อยอีกด้วย โดยให้คุณนำเตยหอม หั่นไม่ต้องละเอียดมาก จากนั้นนำมาคั่ว แล้วชงน้ำดื่ม

น้ำชาจากเก็กฮวย
นำเก็กฮวย ตากแห้งชงในน้ำร้อนผสมกับมะลิแห้ง ช่วยให้มีกลิ่นหอม บำรุงประสาทและหัวใจ

นำชาจากรากบัว
นำรากบัวหั่นเป็นแว่น ๆ ต้มกับน้ำจนกระทั่งเดือด นำมาดื่มสามารถช่วยเรื่องระบบทางเดินหายใจ แก้ไซนัส

น้ำชาจากมะตูม
นำมะตูมดิบหั่นเป็นแว่น ๆ แล้วนำไปตากแดดจนกระทั่งแห้ง จากนั้นนำมาคั่วให้หอม ชงน้ำดื่ม ช่วยเจริญอาหาร แก้จุกเสียดแน่นท้อง ลดกรดในกระเพาะอาหาร

น้ำชาจากสระแหน่
น้ำชาชนิดนี้ใช้ผสมกับน้ำผลไม้อย่างน้ำส้ม หรือน้ำมะนาว โดยให้คุณเด็ดใบสะระแหน่เป็น ใบ ๆ โรยหน้าน้ำผลไม้ ช่วยให้มีกลิ่นหอม ช่วยขับลม แก้ท้องเฟ้อ หรือจะนำใบสะระแหน่ฝรั่งตากแห้ง ชงน้ำดื่มก็ได้คะ

น้ำชาจากดอกคำฝอย
ให้คุณนำดอกคำฝอยตากแห้งที่มีขายกันอยู่ทั่วไปนั่นแหละคะ มาชงน้ำดื่ม ดื่มเป็นประจำสามารถช่วยลดไขมันในเส้นเลือดได้คะ

2012-09-20

แปะก๊วย ช่วยบำรุงสมองเพิ่มความจำ

 

 

แปะก๊วย ช่วยบำรุงสมองเพิ่มความจำ

แปะก๊วย (Ginkgo Biloba)
แปะก๊วย - พืชสมุนไพรที่ชาวจีนเชื่อว่าเป็นยาอายุวัฒนะ สามารถบำบัดโรคต่างๆ ได้ ช่วยบำรุงสมอง ทำให้มีสมาธิและความจำดีขึ้น เป็นพืชที่มีการแยกต้นเป็นเพศผู้ และเพศเมีย ใบมีลักษณะคล้ายใบพัด แยกออกเป็น 2 กลีบ


สารที่สกัดได้จากใบแปะก๊วยมีหลายชนิด เช่น สาร Flavonoids, Terpenoids สารเหล่านี้มีฤทธิ์ต้านอนุมูลอิสระ (Free radical) เพิ่มการไหลเวียนของโลหิตไปสู่สมอง, ปลายมือปลายเท้า ซึ่งเป็นสาเหตุหนึ่งที่ทำให้เกิดการอุดตันของเส้นเลือดที่ไปเลี้ยงสมอง เพราะเมื่อสมองขาดเลือดไปหล่อเลี้ยง ย่อมเสื่อมสมรรถภาพและฝ่อไปในที่สุด ส่งผลต่อการทำงานและประสิทธิภาพของสมอง ทำให้เกิดการหลงลืมในผู้สูงอายุ หรือโรคความจำเสื่อม ที่เรียกว่า อัลไซเมอร์ (Alzheimer disease)

ในปัจจุบันหลายๆ ประเทศได้ให้การยอมรับถึงสรรพคุณของใบแปะก๊วยในการรักษาโรคสมองเสื่อม โดยการนำสารสกัดจากใบแปะก๊วยมารวมกับ Phospholipids ให้อยู่ในรูปของ Phytosome ซึ่งช่วยให้การดูดซับที่ผนังลำไส้เล็กดีขึ้น ทำให้ร่างกายสามารถนำเอาสารสกัดจากใบแปะก๊วยนี้มาใช้ประโยชน์ได้มากขึ้น นอกจากนี้ยังมีการนำสารสกัดดังกล่าวมาทำเป็นผลิตภัณฑ์เสริมอาหาร เพื่อบำรุงสมอง และช่วยให้เลือดไหลเวียนได้ดีขึ้น ใช้รักษาโรคความจำเสื่อม, โรคซึมเศร้า อาการหลงๆ ลืมๆ อันเนื่องมาจากเลือดไปเลี้ยงสมองไม่เพียงพอในผู้ป่วยสูงอายุ

ที่มา : เวปสถาบันการแพทย์แผนไทย

2012-09-19

เห็ด กินดีมีประโยชน์

เห็ด กินดีมีประโยชน์


ถ้าพูดถึงอาหารเพื่อสุขภาพแล้วละก็ จะต้องรวมเห็ดเป็นหนึ่งในนั้นด้วย แต่ต้องเป็นเห็ดที่กินได้เท่านั้น เพราะหากใครขืนกินเห็ดมีพิษไปรับรองว่าดูไม่จืดแน่

สำหรับเห็ดที่กินได้ทั่วไปนั้น จะเป็นอาหารที่มีไขมันต่ำ และไม่มีคอเลสเตอรอล มีเกลือโซเดียมน้อยแต่มีแร่ธาตุสูง เช่น โปแตสเซียมซึ่งช่วยลดความดันโลหิต และซีลีเนียมซึ่งเป็นตัวสารต้านมะเร็ง รวมทั้งยังมีวิตามินต่างๆ โดยเฉพาะวิตามินบี ในเห็ดยังมีกรดอะมิโนต่างๆ ที่ร่างกาย ต้องการในปริมาณพอสมควร และมีกรดอะมิโนกลูตามิกที่ช่วยให้เจริญอาหารอยู่ด้วย จึงทำให้ประสาทรับรู้รสอาหารทำงานได้ดี นอกจากนั้นยังถือว่าเห็ดเป็นอาหารพื้นบ้านที่มีสรรพคุณเป็นยาสมุนไพรที่มีรสหวาน ซึ่งจะช่วยทำให้ชุ่มชื่น บำรุงกำลัง แก้อ่อนเพลียได้อีกด้วย


?108 เคล็ดกิน? จึงนำคุณค่าในเห็ดชนิดต่างๆ มาฝากกัน เริ่มจากเห็ดหอม ซึ่งถือได้ว่าเป็นเห็ดอายุวัฒนะเลยทีเดียว เพราะให้โปรตีนสูง ช่วยลดไขมันในเส้นเลือด และช่วยเพิ่มภูมิคุ้มกัน ต่อเชื้อไวรัสและมะเร็ง ในเห็ดหอมมีกรดอะมิโนอยู่ถึง 21 ชนิด และชนิดที่พบมากที่สุดคือกรดกลูตามิค มีวิตามินบี1 บี2 สูงพอๆ กับยีสต์ มีวิตามินดีสูงช่วยบำรุงกระดูก และมีปริมาณโซเดียมต่ำ เหมาะสำหรับผู้ที่เป็นโรคเกี่ยวกับไต นอกจากนี้ยังมีธาตุแคลเซียม ฟอสฟอรัส และเหล็ก จึงช่วยเสริมสร้างกระดูกและฟันให้แข็งแรง ลดความเป็นกรดในกระเพาะอาหาร ช่วยรักษาโรคเกี่ยวกับระบบภูมิคุ้มกันของร่างกาย เช่น มะเร็ง เอดส์ ภูมิแพ้บางชนิด

นอกจากเห็ดหอมแล้ว เห็ดชนิดอื่นๆ ก็มีประโยชน์มากเช่นกัน เช่น เห็ดหูหนู ช่วยรักษาโรคกระเพาะและริดสีดวง เห็ดหูหนูขาว ช่วยบำรุงปอดและไต เห็ดฟาง ช่วยลดความดันโลหิตและเร่งการสมานแผล เห็ดเข็มทอง ถ้ากินเป็นประจำจะช่วยรักษาโรคตับ กระเพาะและลำไส้อักเสบเรื้อรัง ส่วนเห็ดหลินจือนั้น ประเทศญี่ปุ่นใช้ควบคู่กับการรักษาโรคมะเร็ง และโรคผู้สูงอายุ เช่นโ

รคหัวใจ โรคหลอดลมอักเสบเรื้อรัง โรคความดันโลหิตสูง

ที่มา : ผู้จัดการ

2012-09-14

ล้างพิษด้วยผลไม้

ล้างพิษด้วยผลไม้

ผลไม้ที่ใช้ล้างพิษในร่างกาย เหล่านี้หาซื้อได้ง่ายตามท้องตลาดทั่วไปและราคาไม่แพงด้วยค่ะ

แอปเปิ้ล

เป็นผลไม้ที่ดีที่สุดสำหรับการขจัดของเสียออกจากร่างกาย สารในแอปเปิ้ลจะช่วยนำสารพิษไปกำจัดทิ้ง ทั้งยังป้องกันไม่ให้โปรตีนในลำไส้เกิดการบูดเน่า แอปเปิ้ลยังมีเส้นใยมากจะทำหน้าที่เป็นไม้กวาด ทำความสะอาดลำไส้ช่วยให้ตับและระบบย่อยทำงานได้ดียิ่งขึ้น กระตุ้นน้ำย่อย นอกจากนี้ยังมีวิตามินและเกลือแร่ และยังเหมาะกับผู้ที่กำลังลดน้ำหนักอีกด้วยค่ะ


องุ่น
เป็นสารฟอกล้างสำหรับผิวหนัง ตับ ลำไส้และไตโดยเฉพาะ เนื่องจากองุ่นมีคุณสมบัติรักษาน้ำมูกที่จะออกมาจากเยื่อเมือกต่างๆในร่างกาย องุ่นยังให้พลังงานสูงและนำไปใช้ได้ง่าย เกลือแร่อุดม ดังนั้นจึงช่วยบำรุงเลือดและซ่อมสร้างเซลล์ในร่างกาย


สับปะรด
มีเอนไซม์โปรเมลินสูง เอนไซม์ตัวนี้จะช่วยการทำงานของกรดไฮโดรคลอริกในกระเพาะ และช่วยทำให้ของเสียที่เป็นโปรตีนแตกตัวได้เร็วขึ้น เชื่อกันว่าสับปะรดช่วยรักษาอาการอักเสบในทางเดินอาหาร ช่วยในการซ่อมแซมส่วนต่างๆที่สึกหรอ ช่วยการทำงานของต่อมไร้ท่อและช่วยกำจัดน้ำมูก

มะละกอ มะม่วง แตงโม
ที่มีลักษณะคล้ายคลึงกันแต่มะม่วงมีสารสำคัญน้อยกว่ามะละกอเล็กน้อย ผลไม้ทั้งสองชนิดมีเอนไซม์ชื่อปาเปน ซึ่งมีลักษณะคล้ายกับน้ำย่อยเปปซินในกระเพาะอาหาร ดังนั้นมันจึงช่วยทำให้ของเสียที่เป็นโปรตีนแตกตัวได้เร็วขึ้นเช่นเดียวกับโปรเมลิน ทั้งมะละกอและมะม่วงดีสำหรับทำความสะอาดลำไส้และช่วยย่อยอาหาร เชื่อกันว่ามะละกอยังช่วยลดอาการซึมเศร้าได้อีกด้วย แตงโมมีฤทธิ์ขับปัสสาวะ ดังนั้นจึงช่วยฟอกล้างร่างกายได้เป็นอย่างดี ใช้รักษาแผลในกระเพาะ ลดความดันเลือดสูง ทำให้สบายท้อง น้ำคั้นจากเปลือกของแตงโมและเมล็ด หากดื่มก่อนกินเนื้อแตงโมในมื้ออาหารสักครึ่งชั่วโมง จะทำให้ได้ประโยชน์สูงสุด เนื่องจากเปลือกของแตงโมอุดมด้วยคลอโรฟิลล์และเมล็ดอุดมด้วยวิตามิน


ที่มา :
TTTonline.com


 

2012-09-11

พลู สมุนไพรแก้ลมพิษ

พลู สมุนไพรแก้ลมพิษ


ชื่อพื้นเมือง : พลูจีน(กลาง), บู (เหนือ), เปล้ายวน ซีเก๊ะ (มาเลย์-นราธิวาส)
ชื่อวิทยาศาสตร์ : Piper betel Linn.
ชื่อวงศ์ :PIPERACEAE


ลักษณะทั่วไปของพลู : พลูเป็นไม้เถา เนื้อแข็ง เลื้อยพันต้นไม้อื่น โดยอาศัยรากฝอยที่แตกตามข้อเป็นเครื่องยึดเกาะ ใบเป็นใบเดี่ยว รูปหัวใจ เนื้อใบหนาเป็นมัน มีกลิ่นฉุนเฉพาะตัว รสเผ็ดร้อน ดอกสีขาว ออกเป็นช่อแน่นบนแกนยาวคล้ายพริกไทย ผลอัดแน่นเป็นช่อ มีเนื้อนุ่ม ใน 1 ผล มีเมล็ดเดียวค่อนข้างกลม
พลู เป็นสมุนไพรส่งออกที่สำคัญชนิดหนึ่ง ประเทศที่นำเข้าใบพลูจากประเทศไทยคือประเทศตะวันออกกลาง ปากีสถาน และแอฟริกานิสถาน

พลูมีหลายชนิด เช่น พลูจีน พลูเหลือง พลูเขียว พลูทองหลาง เป็นต้น เนื่องจากพลูเป็นไม้เลื้อย เวลาปลุกพลูต้องหาไม้ค้างหรือต้นไม้ให้พืชชนิดนี้เกาะ ส่วนมากมักปลูกให้ขึ้นไปกับต้นทองหลาง ใบพลูเมื่อผสมกับปูนแดงและหมากใช้เป็นของเคี้ยวสำหรับผู้ที่กินหมาก พลูมีปลูกมากในภาคกลางและภาคอีสาน

สาระสำคัญ
ในใบพลูจะมีน้ำมันหอมระเหยซึ่งเรียกว่า น้ำมันพลู (Betel oil) ในน้ำมันประกอบด้วยยูจินอล (eugenol) และชาวิคอล (chavicol) นอกจากนี้ยังมีวิตามินและแร่ธาตุต่างๆที่สำคัญคือธาตุฟลูโอไรด์ ซึ่งช่วยให้ผู้ที่เคี้ยวใบพลูมีสภาพฟันที่แข็งแรง

ฤทธิ์และประโยชน์
สารยูจินอลและชาวิคอล มีฤทธิ์เป็นยาชา และช่วยกระตุ้นการไหลเวียนของโลหิตใบพลูจึงใช้ประโยชน์ในการระงับอาการคันเนื่องจากลมพิษ และยังช่วยระงับอาการคันและเจ็บปวดเนื่องจากแมลงกัดต่อยได้

วิธีใช้
ใช้ใบสด 3-4 ใบ ตำผสมกับเหล้าโรงเล็กน้อย คั้นเอาน้ำทา หรือใช้ทั้งน้ำและกากใบพลูทาบริเวณที่เป็นลมพิษหรือบริเวณที่แมลงกัดต่อยบ่อยๆ ไม่ควรให้โดนลมโดยต้องใส่เสื้อผ้าปิดไว้ เมื่อทาผิวหนังจะชา ทำให้หายคัน

ที่มา : วันดี กฤษณพันธ์ "สมุนไพรน่ารู้"

2012-09-09

ดับกลิ่นเหม็นห้องน้ำด้วยมะกรูด ใบฝรั่งสด

ดับกลิ่นเหม็นห้องน้ำด้วยมะกรูด ใบฝรั่งสด


ใช้มะกรูด ผ่าเป็นแว่น ๆ ใส่ถ้วยวางไว้ในห้องน้ำ

ใช้กากชา (ส่วนที่เหลือจากการชงชาจีน) กากกาแฟ (ส่วนที่เหลือจากการทำน้ำดีท็อกซ์) ผึ่งลมพอแห้ง วางใส่ถ้วย ตั้งไว้มุมใดมุมหนึ่งในห้องน้ำ กากชาและกาแฟจะช่วยดูดกลิ่นในห้องน้ำ

ใช้ใบฝรั่งสด มาตำให้ละเอียด คั้นเอาแต่น้ำ แยกกากใบออก น้ำน้ำมันหอมระเหยที่ได้บรรจุถ้วยแก้วก็จะช่วยดับกลิ่นได้

ถ้าลงมือทำ รับรองว่านอกจากเราจะมีห้องน้ำสะอาดไว้นั่งทอดอารมณ์แล้ว เรายังนอนทำดีท็อกซ์อย่างปลอดโปร่งโล่งสบายอีกต่างหาก

ที่มา : ชีวจิต

2012-09-07

ฟักข้าว อาหารต้านมะเร็ง(จบ)

ปัจจุบันมีผู้นำเยื่อเมล็ดนี้ผลิตเป็นเครื่องดื่มอาหารเสริมจำหน่ายในต่างประเทศ

ไมโครกรัม / น้ำหนักผล เนื้อผล เยื่อเมล็ด
บีตาแคโรทีน 22.1 101
ไลโคพีน 0.9 380

ไลโคพีนเป็นสารกลุ่มแคโรทีนอยด์ พบได้ในผักและผลไม้บางชนิด ทำหน้าที่เป็นรงควัตถุรวบรวมแสงให้แก่พืช และป้องกันพืชผักจากออกซิเจนโมเลกุลเดี่ยว (อนุมูลอิสระ) และแสงที่จ้าเกินไป การกินไลโคพีนที่มีฤทธิ์ต้านออกซิเดชั่นได้รับการพิสูจน์จากวงการแพทย์ ว่ามีผลลดความเสี่ยงของการเกิดโรคหลอดเลือดหัวใจ โรคมะเร็งต่อมลูกหมาก มะเร็งปอด และมะเร็งกระเพาะอาหาร เนื่องจากเยื่อเมล็ดฟักข้าวมีไลโคพีนมากกว่าผลไม้อื่น ๆ ทุกชนิด จึงถือว่าเป็นอาหารต้านมะเร็งที่ดีที่สุดชนิดหนึ่งจากฤทธิ์ของไลโคพีน

ผลไม้ ปริมาณไลโคพีน
ไมโครกรัม / กรัม นน.ผล
มะเขือเทศสุก 31
แตงโม 41
ฝรั่ง 54
ส้มโอ 33.6
เยื่อเมล็ดฟักข้าว 380

ฤทธิ์ในการบำบัดรักษาโรค

ประเทศจีน

ใช้เมล็ดแก่ของฟักข้าวเป็นยามานานกว่า 1,200 ปี ใช้บำบัดอาการอักเสบบวม กลากเกลื้อน ฝี อาการฟกช้ำ ริดสีดวง แก้ท้องเสีย อาการผื่นคันและโรคผิวหนังติดเชื้อต่าง ๆ ทั้งในมนุษย์และสัตว์ต่าง ๆ

การกินฟักข้าวเป็นยานั้น ใช้เมล็ดแก่บดแห้ง
ส่วนการใช้ภายนอก ให้นำเมล็ดฟักข้าวบดแห้ง ผสมน้ำมันหรือน้ำส้มสายชูเล็กน้อยทาบริเวณที่มีอาการ และใช้เยื่อเมล็ดแทนสีผสมอาหาร

งานวิจัยในประเทศจีนพบว่าโปรตีนจากเมล็ดมีความสามารถต้านอนุมูลอิสระและเพิ่ม ประสิทธิภาพการทำงานของเซลล์ตับในหลอดทดลอง เชื่อว่าเป็นส่วนหนึ่งของฤทธิ์ทางชีวภาพของเมล็ดฟักข้าว ถือว่าลดความเสียหายจากอนุมูลอิสระจึงมีฤทธิ์ป้องกันมะเร็ง

นอกจากนี้ เมล็ดฟักข้าวเป็นส่วนผสมของยาแก้ปวดกล้ามเนื้อและคลายกล้ามเนื้อในเครื่องยาจีนหลายตำรับ

ประเทศเวียดนาม

การวิจัยทางคลินิกที่มหาวิทยาลับฮานอย พบว่าน้ำมันจากเยื่อเมล็ดฟักข้าวมีประสิทธิภาพในการรักษามะเร็งตับ

ประเทศไทย

มีงานวิจัยของมหาวิทยาลับมหิดลเกี่ยวกับสรรพคุณของเมล็ดฟักข้าว พบโปรตีนที่มีฤทธิ์ยับยั้งการเจริญของเชื้อเอชไอวี – เอดส์ และยับยั้งเซลล์มะเร็งจดสิทธิบัตรในประเทศไทยแล้ว

งานวิจัยอื่นของไทยและตางประเทศพบว่า เมล็ดแก่ของฟักข้าวมีโปรตีน มอร์มอโคลซิน – เอส และโคลซินิน – บี มีฤทธิ์ยับยั้งการทำงานของไรโบโซมซึ่งเป็นแหล่งผลิตกรดอะมิโน และต้านการเจริญของเซลล์มะเร็งหลายชนิดในหลอดทดลอง ซึ่งอาจนำไปใชพัฒนาเภสัชภัณฑ์ได้ในวันข้างหน้า

ประเทศฟิลิปปินส์และประเทศไทย

ใช้รากฟักข้าวสระผมเพื่อกำจัดเหา ใช้รากบดหมักผมกระตุ้นให้ผมดก

ประเพณีล้านนาของไทยใช้ฟักข้าวในการดำหัว (คือการสระผม) สตรีล้านนา ดำหัวสัปดาห์ละครั้ง “ยาสระผม” ผลประคำดีควายหมกไฟพอให้สุกรากของต้นฟักข้าว รากแหย่งบดหยาบทั้งหมดผสมกับน้ำอุ่นหมักผมไว้สักระยะหนึ่งแล้วจึงล้างออก จะทำให้แก้คันศีรษะ แก้รังแค แก้ผมร่วงและช่วยให้ผมดกดำ

ประเทศญี่ปุ่น

ทำการวิจัยพบว่า โปรตีนจากสารสกัดน้ำของผลฟักข้าวยับยั้งการเจริญของก้อนมะเร็งลำไส้ใหญ่ในหนูทดลอง โดยลดการแผ่ขยายของหลอดเลือดรอบก้อนมะเร็งและชะลอการแบ่งตัวของเซลล์มะเร็งดังกล่าว ในห้องทดลองน้ำสกัดผลฟักข้าวยับยั้งการเจริญของเซลล์มะเร็งตับและมะเร็งลำไส้ใหญ่โดยการทำให้เซลล์แตกตาย

ผลอ่อนฟักข้าวกินได้ ผลแก่ก็อุดมคุณค่า ลองหาพันธุ์มาปลูกไม้เลื้อยเล่นหน้าบ้านจะได้กินเมื่อในปรารถนา เป็นการสร้างสุขภาพป้องกันโรคร้ายได้อย่างดี

2012-09-05

สรรพคุณของโหระพา

โหระพา

โหระพาเป็นผักที่นิยมนำมาประกอบอาหาร นอกจากจะมีดีที่กลิ่นแล้ว ยังมีเบตาแคโรทีนสูงมาก โหระพา 100 กรัม มีเบตาแคโรทีน ถึง 452.16 ไมโครกรัมเทียบหน่วยเรตินัล ปกติร่างกายผู้ใหญ่ต้องการเบตาแคโรทีน 800 ไมโครกรัมเทียบหน่วยเรตินัล โหระพาจึงช่วยป้องกันโรคมะเร็งและโรคหัวใจขาดเลือดได้ ใบโหระพามีน้ำมันหอมระเหยอยู่เป็นถุงเล็ก ในใบมีคุณสมบัติช่วยแก้จุกเสียด ท้องอืด แน่น ท้อง ช่วยให้เจริญอาหารได้ดี

2012-09-01

เคล็ดลับความงาม จาก ผลไม้ Food for Beauty

เคล็ดลับความงาม จาก ผลไม้ Food for Beauty


ใครที่ชอบทานผลไม้บ้าง รู้หรือไม่ว่า ผลไม้ที่ทานกันเป็นประจำนั้น สามารถทำให้สวยได้ วันนี้เกร็ดความรู้มีมาบอกกัน...
- แตงโม ช่วยให้ความชุ่มชื่นต่อผิวที่แห้ง หรือผิวที่ร้อนระอุในช่วงหน้าร้อนได้เป็นอย่างดี และแตงโมนั้น ยังสามารถให้ความเย็นอยู่บนผิวได้นานกว่าผลไม้ชนิดอื่น ๆ
วิธีทำ เตรียมผ้ากรอง ชนิดบางขนาดผ้าพันแผล 2 ผืน เฉือนเนื้อแตงโม เป็นชิ้นบาง ๆ พอประมาณ วางลง ระหว่างผ้าที่เตรียมไว้ โดยให้เนื้อตาโม อยู่ระหว่างกลางผ้า 2 ชิ้น หลังจากนั้น นำมาวางปิดลงบนใบหน้าให้ทั่ว เว้นส่วนรูจมูกไว้ ให้ผ้าและชิ้นแตงโมติดผิวหน้า ทิ้งไว้ประมาณ 15 นาที หลังจากนั้นจึงล้างออกด้วยน้ำสะอาด ๆ
- ส้ม ช่วยในทางล้างผิว และสมานผิวได้เป็นอย่างดี
วิธีทำ ล้างผลส้มให้สะอาด แล้วปอกเปลือกออก (ส้มที่ใช้นั้นจะเป็นส้มเขียวหวาน จะเปลือกหนาหรือบางได้ทั้งนั้น) แช่ในน้ำสุก แล้วใช้มีดปลายแหลมคม จิ้มทะลุผิวส้มให้ทั่ว เพื่อให้น้ำมันจากผิวส้มออกมา หลังจากนั้น ทิ้งค้างคืนเอาไว้ วันรุ่งขึ้นกรองเอาแต่น้ำนำมาล้างหน้า
- แอปเปิ้ล ช่วยขับน้ำมันออกจากผิว และผิวมันหายหมองคล้ำ
วิธีทำ ขูดเนื้อแอปเปิ้ล ให้ละเอียดแล้วนำมาแปะลงบนผิวหน้าให้ทั่ว นอนพัก 15 นาที แล้วล้างออกด้วยน้ำอุ่น
- สตรอเบอร์รี่ ช่วยกระตุ้นผิวที่ซีดเซียวหรือผสมกับเนยแท้ เพื่อแก้ผิวที่แห้งเหี่ยวด้วยก็ได้
วิธีแรก นำเนยแข็ง จำนวน 2 ช้อนชา ละลายด้วยความร้อนพอประมาณ ผสมกับสตรอเบอร์รี่ที่คันน้ำแล้ว คนให้เข้ากันแล้วทาทิ้งไว้ 30 นาที แล้วเช็ดออก อาจต้องฟอกสบู่แล้วล้างด้วยน้ำอุ่นอีกครั้งเพื่อล้างออกให้หมด
อีกวิธี ล้างผลสตรอเบอร์รี่ให้สะอาด ผ่าครึ่ง แล้วนำมาถูที่ผิวหน้าให้ทั่ว ทิ้งค้างคืนเอาไว้ แล้ววันรุ่งขึ้นค่อยล้างออกถ้าใครอยากมีผิวสวยก็ลองนำวิธีที่แนะนำ ไปทำตามกันดูได้.

ที่มา :
เดลินิวส์