2012-12-31

อัศจรรย์เคี้ยว “มะนาว” เลิกบุหรี่ใน 2 สัปดาห์

อัศจรรย์เคี้ยว “มะนาว” เลิกบุหรี่ใน 2 สัปดาห์


อัศจรรย์ “มะนาว” ช่วยลดสารนิโคติน เลิกบุหรี่ได้ใน 2 สัปดาห์ แนะ กินมะนาวพร้อมเปลือก เคี้ยวนานๆ 3-5 นาที ทุกครั้งที่อยากบุหรี่ ทำให้สูบรสบุหรี่ไม่อร่อย ขม เฝื่อน จนไม่อยากสูบอีก

ผศ.กรองจิต วาทีสาธกกิจ ที่ปรึกษามูลนิธิรณรงค์เพื่อการไม่สูบบุหรี่ กล่าวในการประชุมวิชาการ “บุหรี่กับสุขภาพแห่งชาติ” ครั้งที่ 7 เรื่อง “เยาวชนรุ่นใหม่ ร่วมใจ ต้านภัยบุหรี่” โดยสำนักงานกองทุนสนับสนุนการสร้างเสริมสุขภาพ(สสส.) และศูนย์วิจัยและจัดการความรู้เพื่อการควบคุมยาสูบ (ศจย.) ว่า จากผลการวิจัยพบว่า ในวิตามินซีจะมีสารที่ช่วยลดความอยากของนิโคตินได้ และช่วยฟื้นฟูร่างกายที่ทรุดโทรมให้สดชื่นกระปรี้กระเปร่า จึงมีการนำใช้เพื่อช่วยเลิกบุหรี่ โดยเทคนิคการรับประทานผลไม้รสเปรี้ยว ที่มีวิตามินซีสูง โดยเฉพาะมะนาว พบว่า เมื่อนำไปใช้แล้วมีประสิทธิภาพได้ผลดีมาก เนื่องจากมะนาวมีผลต่อการทำงานของต่อมรับรสขม ทำให้รสชาติของบุหรี่เปลี่ยนไป

ผศ.กรองจิต กล่าวต่อว่า วิธีการกินมะนาวช่วยเลิกบุหรี่ ต้องหันมะนาวเป็นชิ้นเล็กๆให้มีเปลือกติดมาด้วย ขนาดเท่าหัวแม่โป้ง หรือ พอคำ เมื่อมีความรู้สึกอยากสูบบุหรี่ ให้กินมะนาวแทน โดยอมแล้วค่อยดูดความเปรี้ยว จากนั้นเคี้ยวเปลือกอย่างช้าๆ นาน 3-5 นาที จะมีผลทำให้ลิ้นข่ม เฝื่อน จากนั้นดื่มน้ำ 1 อึก นอกจากช่วยลดความอยากนิโคตินแล้ว เมื่อสูบบุหรี่จะทำให้รสชาดบุหรี่เปลี่ยนขมจนไม่อยากสูบ และสามารถกินมะนาว หรือผลไม้ชนิดอื่นที่มีความเปรี้ยวมากๆ ได้ทุกครั้งที่เกิดความอยากบุหรี่ แต่เมื่อเทียบกัน พบว่ามะนาวจะได้ผลดีที่สุด

“การเลิกบุหรี่ ด้วยการกินมะนาวส่วนใหญ่จะสามารถเลิกบุหรี่ได้ภาย ใน 2 สัปดาห์ และไม่อยากบุหรี่อีก ถือว่าชนะนิโคตินได้ มีการนำไปทดลองกับนักเรียน หลายคนที่ได้ทดลองวิธีนี้ จะรู้สึกว่าสูบบุหรี่แล้วไม่อร่อย รสชาดไม่เหมือนเดิม ทำให้ไม่อยากสูบบุหรี่อีก อย่างไรก็ตาม แม้อาการทางกาย คือ ความอยากจะหมดไปแต่ อาการทางใจบางครั้งจะยังมีอยู่ เช่น เศร้า หงุดหงิดเหมือนคนอกหัก คนรอบข้างต้องให้กำลังใจ และตั้งใจเลิกอย่างเด็ดขาด จะสามารถเลิกได้อย่างแน่นอน”ผศ.กรองจิต กล่าว

ด้าน นางอนงค์ พัวตระกูล อาจารย์โรงเรียนบางมดวิทยา 'สีสุกหวาดจวนอุปถัมภ์' ซึ่งได้รับ รางวัลควบคุมยาสูบแห่งชาติ ประเภท สถานศึกษาปลอดบุหรี่ กล่าวว่า จากการทำค่ายลดละเลิกบุหรี่ โดยนำนักเรียนที่สูบบุหรี่จำนวน 75 คน มาทำกิจกรรมโดยให้ความรู้ถึงพิษภัยของบุหรี่ และให้เด็กใช้เวลาในการเลิกบุหรี่อย่างจริงจัง ประมาณ 3-7 วัน รวมทั้งใช้วิธีการเคี้ยวมะนาวเพื่อช่วยลดความอยากสูบบุหรี่ พบว่า ร้อยละ 75 จะสูบไปครั้งคราว เมื่อผ่าน 2 สัปดาห์ จะมีเด็กที่เลิกสูบเด็ดขาด ร้อยละ 50 และภายใน 1 ปี มีเด็กเพียง ร้อยละ 30 ที่กลับไปสูบอีก โดยปัจจัยเสริมที่ทำให้เลิกได้พบว่า หากเป็นเด็กที่มีความเชื่อมั่นในตัวเองสูงก็จะเลิกง่ายกว่าเด็กที่หัวอ่อนตามเพื่อน


“ภายใน 2 สัปดาห์ พบว่าการติดตามพฤติกรรมร่วมกับ การใช้มะนาวช่วยเลิกบุหรี่ สามารถทำให้เด็กลด และเลิกบุหรี่ได้นอกจากนี้ ต้องมีคนให้คำปรึกษา ให้คำแนะนำ ซึ่งโรงเรียนต้องใช้ทั้งไม้อ่อน ไม้แข็งในการดูแลเด็ก มีการทำโทษ แจ้งผู้ปกครอง หรือแม้แต่การให้ไปเสียค่าปรับที่โรงพักก็เคยมี เนื่องจากการเลิกบุหรี่ในเด็กกับผู้ใหญ่มีความแตกต่างกัน ส่วนใหญ่ที่เลิกได้จริง ก็จะเกิดจากความตระหนักรู้เกี่ยวกับพิษภัย และไม่กลับมาสูบบุหรี่อีกตลอดไป”นางอนงค์ กล่าว


 

ที่มา : bangkok health

2012-12-29

5 สมุนไพรบำรุงกระดูกเพื่อผู้สูงอายุ

5 สมุนไพรบำรุงกระดูกเพื่อผู้สูงอายุ

วัยสูงอายุเป็นวัยที่ร่างกายเสื่อมโทรมในหลายด้าน โดยเฉพาะภาวะกระดูกพรุน เนื่องจากเซลล์ของกระดูกมีการสลายมากกว่าการสร้าง จึงทำให้กระดูกหักได้ง่าย

ในการป้องกันภาวะนี้สำหรับผู้สูงอายุ นอกจากยาแผนปัจจุบันซึ่งต้องนำเข้ามาจากต่างประเทศเป็นจำนวนเงินมากมายแล้ว สมุนไพรไทย ๆ ยังสามารถใช้ทดแทนได้ดีและใช้กัน


1. ยอ ใบยอมีแคลเซียมสูง (469 – 841 มิลลิกรัมต่อ 100 กรัม) ใบใช้ประกอบอาหาร เช่น ห่อหมก แกงอ่อม นอกจากนี้ยังมีสรรพคุณทางยา เช่น ใบอ่อนใช้เป็นยาลดความร้อนในร่างกาย แก้ไข บำรุงธาตุ แก้ท้องร่วงในเด็ก แก้เหงือกบวม และปวดข้อ
2. ช้าพลูหรือชะพลู ใบช้าพลูนิยมใช้เป็นผักรับประทานกับเมี่ยงคำ ส้มตำ ข้าวยำ และใช้ทำแกงเลียง ใบประกอบด้วยแคลเซียมในปริมาณสูง (601 มิลลิกรัมต่อ 100 กรัม) และยังพบธาตุฟอสฟอรัส เหล็ก และวิตามินต่าง ๆ
3. มะขาม ฝักมะขามอ่อนมีแคลเซียมสูง (429 มิลลิกรัมต่อ 100 กรัม) ทางด้านอาหารใช้ยอดปรุงแกง ดอกใช้ยำ ส่วนฝักอ่อนใช้ตำน้ำพริก เนื้อในผักแก่รับประทานเป็นผลไม้หรือใช้ปรุงแต่งรสเปรี้ยวให้อาหาร นอกจากนี้มะขามเปียกยังใช้เป็นยาระบายอ่อน ๆ แก้ไอและขับปัสสาวะ
4. แค ยอดแคมีแคลเซียมสูง (395 มิลลิกรัมต่อ 100 กรัม) นิยมนำมาลวกเป็นผักจิ้มน้ำพริก ใช้รับประทานแก้ไข้หัวลม (ใช้ที่เกิดขึ้นเมื่ออากาศเปลี่ยนแปลง) ส่วนดอกแคยังนิยมใช้ปรุงอาหาร เช่น แกงส้ม และใช้ลวกเป็นผักจิ้ม
5. ผักกระเฉด ใบและลำต้นที่แกะนวมออกแล้วใช้ปรุงเป็นอาหาร เช่น แกงส้ม

ที่มา : ชีวจิต

2012-12-18

เคล็ดลับผมเงางามด้วยดอกอัญชัน

เคล็ดลับผมเงางามด้วยดอกอัญชัน


ช่วงไหนที่รู้สึกว่าผมขาดความเงางาม ลองหมักผมด้วยน้ำมันมะพร้าว 5 ช้อนโต๊ะ น้ำจากดอกอัญชันประมาณ 8 – 10 ดอก และไข่แดง 1 ฟอง ชโลมทิ้งไว้ 20 นาที แล้วล้างออก ผมคุณจะเงางามอย่างไม่น่าเชื่อเลยค่ะ อ้อ สูตรนี้สงวนสิทธิ์สำหรับสาวผมดำเท่านั้นนะคะ


สาว ๆ คนไทยที่ต้องการย้อนผมเอง ต้องระวังน้ำยาเลอะติดผิวสวยด้วยนะคะ โดยเฉพาะบริเวณต้นคอ ใบหู และผิวบริเวณไรผม ให้ป้องกันปัญหานี้ได้ด้วยการทาวาสลีนหรือยาสีฟันไว้บริเวณผิวส่วนนี้ค่ะ

รักษาความสะอาดให้เส้นผมแล้วก็อย่าลืมหมั่นทำความสะอาดหวีของเราด้วยนะคะ ควรล้างหวีอย่างน้อย 2 สัปดาห์ / ครั้ง ด้วยน้ำสบู่หรือแชมพูอ่อน ๆ และ ใช้แปรงสีฟันแปรงคราบฝุ่นละอองที่ติดอยู่บนหวีให้หมดจด ซับด้วยผ้าขนหนูแล้วทิ้งไว้ให้แห้ง แค่นี้หวีของคุณก็น่าใช้มากขึ้นแล้วล่ะค่ะ

ที่มา : Spicy

2012-12-14

ฟักทองลดไขมันในเลือด (จบ)

เมล็ดฟักทอง บรรเทาต่อมลูกหมากโต

น้ำมันเมล็ดฟักทองเป็นส่วนประกอบของยาพื้นบ้านที่ใช้ดูแลสุขภาพต่อมลูกหมาก มีงานวิจัยสนับสนุนประสิทธิภาพการใช้เมล็ดฟักทองรักษาอาการต่อมขึ้นไปอาจมีต่อมลูกหมากโต (benign prostatic hyperplacia) ชายวัย 55 ปี และกล้ามเนื้อกระเพาะปัสสาวะไม่แข็งแรงพอจะบีบต้านแรงกดของต่อมลูกหมาก จึงทำให้เกิดมีอาการอุดกั้นของทางเดินปัสสาวะ โรคนี้อาจพบได้ประมาณร้อยละ 10 ของผู้ชายสูงอายุ

งานวิจัยสารสกัดเมล็ดฟักทองกับการทำงานของแอนโดรเจน รีเซปเตอร์ซึ่งมีผลควบคุมการเจริญของลูกหมาก จากใช้สารสกัดเมล็ดฟักทองกับชุดตรวจวัดแอนโดรเจน รีเซปเตอร์ รีพอร์ตเตอร์ยีน พบว่าสารสกัดจากเมล็ดฟักทองมีผลต้านฤทธิ์แอนโดรจีนิก (antiandrogenic effect) จริง การบริโภคเมล็ดฟักทองจึงอาจมีผลดีต่อผู้ที่มีอาการต่อมลูกหมากโตได้

ฟักทองกับความงามผิวพรรณ

เอนไซม์จากเนื้อฟักทองบด (รวมเมล็ด) มีความสามารถในการผลัดเซลล์ผิวที่ตายแล้วและซ่อมแซมส่วนที่สึกหรอ มีสารต้านออกซิเดชั่น วิตามิน และแร่ธาตุจำเป็นที่ผิวต้องการ เมล็ดฟักทองมีวิตามินอี กรดไขมันไม่อิ่มตัว และสเตอรอล จึงช่วยในการรักษาความชุ่มชื้นและซ่อมแซมผิว

พืชสามัญเช่นฟักทองนี้ดีอยู่ในตัวพอดู ลองชวนคุณพ่อบ้านบริโภคเมล็ดฟักทองขณะดูโทรทัศน์ เพื่อสุขภาพที่ดีในวันหน้าไหมคะ

2012-12-13

ฟักทองลดน้ำตาลในเลือด (2)

คุณค่าทางโภชนาการของฟักทองดิบ
ฟักทองดิบคุณค่าทางอาหารต่อ 100 กรัม
พลังงาน 10 กิโลแคลอรี่

คาร์โบไฮเดรต 6.4 กรัม
· น้ำตาล 1.36 กรัม
· เส้นใย 0.5 กรัม
ไขมัน 0.1 กรัม
· อิ่มตัว 0.05 กรัม
· Monounsaturated 0.01 กรัม
· Polyunsaturated 0.01 กรัม

โปรตีน 1.0 กรัม
บีตาแคโรทีน 369 ไมโครกรัม ร้อยละ 41
วิตามีนบี 1 3,100 ไมโครกรัม ร้อยละ 29
วิตามีนบี 2 0.05 มิลลิกรัม ร้อยละ 4
วิตามีนบี 3 0.110 มิลลิกรัม ร้อยละ 7
วิตามีนบี 4 0.6 มิลลิกรัม ร้อยละ 4
วิตามีนบี 5 0.298 มิลลิกรัม ร้อยละ 6
วิตามีนบี 6 0.061 มิลลิกรัม ร้อยละ 5
โฟเลต 16 ไมโครกรัม ร้อยละ 4
วิตามีนซี 9 มิลลิกรัม ร้อยละ 15
วิตามินอี 1.06 มิลลิกรัม ร้อยละ 7
แคลเซียม 21 มิลลิกรัม ร้อยละ 2
เหล็ก 0.8 มิลลิกรัม ร้อยละ 6
แมกนีเซียม 12 มิลลิกรัม ร้อยละ 3
ฟอสฟอรัส 44 มิลลิกรัม ร้อยละ 6
โพแทสเซียม 340 มิลลิกรัม ร้อยละ 7
โซเดียม 1 มิลลิกรัม ร้อยละ 0
สังกะสี 0.32 มิลลิกรัม ร้อยละ 3
ร้อยละ ตามคำแนะนำของ USDA

“น้ำตาลโพลีแซ็กคาไรด์ที่ตรึงกับโปรตีนในเนื้อฟักทอง มีฤทธิ์ลดน้ำตาลในเลือด”

น้ำมันเมล็ดฟักทอง

ใช้ปรุงอาหารได้ ใช้ในประเทศแถบยุโรปตะวันออกและตอนกลาง น้ำมันเมล็ดฟักทอง (ร้อยละ 42.2 ตามน้ำหนัก) มีวิตามินอี กรดไขมันไม่อิ่มตัว มีการใช้น้ำมันเมล็ดฟักทองในการป้องกันต่อมลูกหมากโต ลดความดันเลือด ลดอาการคลอเลสเตอรอลสูง โรคปวดข้อเข่าช่วยสมรรถภาพกระเพาปัสสาวะ ลดปริมาณน้ำตาลในเลือดของผู้ป่วยเบาหวาน และใช้ในผู้ป่วยมะเร็ง กระเพาะอาหาร เต้านม ปอด และลำไส้ใหญ่

ปริมาณน้ำมันมีร้อยละ 11 -13 ปริมาณกรดไขมันไม่อิ่มตัวมีร้อยละ 73 -81 ที่พบมากคือกรดไบโนเลอิกโอเลอิก ปาล็มมิติก และสเตอริก พบอัลฟ่า – แกมม่า – และเดลต้า – โทโคฟีรอลในปริมาณ 27.1 – 75.1 , 74.9 – 492.8 และ 35.3 – 1,109.7 มิลลิกรัมต่อกรัม น้ำมันตามลำดับซึ่งเป็นปริมาณที่สูง ปริมาณกรดไขมันไม่อิ่มตัวและวิตามินอีทำให้เมล็ดฟักทองเป็นอาหารที่เสริมคุณค่าโภชนาการอาหารประจำวันได้ดีมากชนิดหนึ่ง

2012-12-12

ฟักทองลดน้ำตาลในเลือด

ฟักทองลดน้ำตาลในเลือด

“ฟักทองมีคุณค่าทางอาหารสูง แต่ให้พลังงานต่ำ
จึงเหมาะแก่ผู้ที่ต้องควบคุมอาหาร”

ชื่อวิทยาศาสตร์ Cucurbita moschata Duchesne
ชื่อสามัญ Winter squash, Buttercup squash หรือ Pumpkin
วงศ์ Cucurbitaceae

ใบฟักทอง

ประเทศไทยและประเทศในทวีปแอฟริกามีการกินใบอ่อนของฟักทองและฟักทอง ฮัลโลวีน

ใบฟักทองฮัลโลวีนมีธาตุสังกะสี (0.8 มก.) เหล็ก (10.1 มก.) แคลเซียม (0.07 มก.) กรัมต่อ 100 กรัม ผัดกับน้ำมันจะดูดซึมได้ดีในร่างกายมนุษย์ เพราะวิตามินเอละลายในน้ำมัน

ผลฟักทอง

มีลักษณะทรงแบนสีเขียวเข้ม หนัก 1 -2 กิโลกรัม เนื้อในสีเหลืองส้ม
ประเทศสหรัฐอเมริกาประกอบอาหารจากผลสุกฟักทองนี้หลายชนิด โดยอบ ย่าง และบดใส่ซุปเหมือนกับฟักทองฮัลโลวีน
ประเทศบราซิลและแอฟริกานิยมปรุงเป็นซุป
ประเทศญี่ปุ่นนำมาชุบแป้งทอดเป็นเทมปุระ
ประเทศไทยนำมาประไทยนำมาประกอบอาหารไทยผัดใส่ไข่ ทำแกงเผ็ดฟักทองน้ำข้นมีรสดี ฝานบางอบแห้งทำข้าวเกรียบ หรือบรรจุด้วยสังขยานึ่งขนมหวาน สามารถนำเนื้อไปทำขนมพายได้เหมือนฟักทองฮัลโลวีน

เนื่องจากฟักทองมีคุณค่าทางอาหารสูงแต่ให้พลังงานต่ำจึงเหมาะแก่ผู้ที่ต้องควบคุมอาหาร

น้ำจากเนื้อฟักทองลดน้ำตาลในเลือด

งานวิจัยของนักวิทยาศาสตร์ชาวจีนพบว่า น้ำตาลโพลีแซ็กคาไรด์ที่ตรึงกับโปรตีนในเนื้อฟักทองมีฤทธิ์ลดน้ำตาลในเลือด น้ำตาลดังกล่าวละลายได้ในน้ำคั้นผลฟักทอง เมื่อทดสอบกับหนูที่เป็นเบาหวานจากสารอัลล็อกซาน พบว่า น้ำตาล – โปรตีนดังกล่าวเพิ่มระดับอินซูลินในซีรั่ม ลดระดับน้ำตาลในเลือด และเพิ่มการทนกลูโคส (glucose tolerance) สารสกัดน้ำตาลดังกล่าวในปริมาณ 1,000 มก. / กก. น้ำหนัก ให้ผลดีกว่าการให้ปริมาณต่ำ ๆ และดีกว่ากลุ่มที่ได้รับยาเบาหวาน จึงสามารถนำผลการศึกษาไปใช้กับผู้ป่วยเบาหวานได้

เมล็ดฟักทอง

คั่วและกินเป็นอาหารขบเคี้ยวได้ มีธาตุเหล็กสังกะสี โพแทสเซียม แมกนีเซียม และกรดไขมันจำเป็น
เมล็ดฟักทอง 1 กรัม มีกรดอะมิโนทริปโทเฟนมากเท่ากับที่มีในนมสดหนึ่งแก้ว
เมล็ดฟักทองมีน้ำมันที่อุดมไปด้วยสารแกมม่าโทโคฟีรอล (รูปหนึ่งของวิตามินอี) สารนี้มีฤทธิ์ต้านการอักเสบและต้านอนุมูลอิสระ โดยเฉพาะอย่างยิ่งอนุมูลอิสระที่มีไนโตรเจนเป็นส่วนประกอบ จึงสามารถชะลอความแก่ได้เป็นอย่างดี
“เมล็ดฟักทอง 1 กรัม มีกรดอะมิโนทริปโทเฟนมากเท่ากับที่มีในนมสดหนึ่งแก้ว”