2009-01-29

ผักกุยช่ายสมุนไพรรักษาโรค

ผักกุยช่ายสมุนไพรรักษาโรค

ผักกุยช่าย หรือ ผักไม้กวาด ที่นิยมรับประทานสด ๆ กับก๋วยเตี๋ยวผัดไทย หรือผัดรับประทานกับข้าวสวยนั้น แล้วทราบหรือไม่ว่ายังเป็นสมุนไพรรักษาโรคได้

- แก้อาการท้องอืด ท้องเฟ้อ ขับลม และแก้ท้องผูก โดยใช้ใบสดตำให้ละเอียดคั้นเอาแต่น้ำดื่ม หรือนำไปผัดรับประทาน เพราะกุยช่ายมีใยอาหารมาก จึงช่วยกระตุ้นให้ลำไส้บีบตัวได้ดี
- แก้อาการฟกช้ำ โดยใช้ใบสดตำละเอียดพอกบริเวณที่เป็น บรรเทาปวดและแก้อาการห้อเลือดได้
- แก้อาการปัสสาวะกะปริบกะปรอย โดยใช้เมล็ดแห้งต้มรับประทาน หรือจะทำเป็นยาเม็ดหรือยาผงรับประทาน
- รักษาโรคหูน้ำหนวก โดยใช้น้ำที่คั้นได้จากใบสดทาในรูหู
- บำรุงน้ำนม คนไทยโบราณเชื่อว่าแม่ลูกอ่อนกินแกงเลียงใส่ผักหอมแป้นหรือกุยช่ายจะช่วยบำรุงน้ำนมได้ดีรู้อย่างนี้แล้ว ลองหันมารับประทานผักกุยช่ายกันดีกว่า เพื่อสุขภาพที่ดี.

2009-01-26

ใช้ปากแกะผลไม้...เกิดอันตราย

ใช้ปากแกะผลไม้...เกิดอันตราย ?

การรับประทานผลไม้ อย่างถูกวิธีนั้นไม่ใช่เรื่องยากหรอกคะ แต่ก็มีบางท่านที่ไม่ทราบหรือไม่รู้วิธีที่ถูกต้องเวลารับประทานผลไม้ อาจไม่ล้างผลไม้ให้สะอาดเสียก่อนที่จะนำมารับประทานนั่นคือ สาเหตุที่ทำให้คุณติดเชื้อโรคที่เกิดจากการขนส่ง ซึ่งส่งผลให้คุณคอบวมจากสารเคมีตกค้างดังกล่าวได้

ผลไม้ในบ้านเรามีให้เลือกรับประทานมากมาย ทั้งผลไม้ที่มีเปลือกบางอย่าง ฝรั่ง แอปเปิล สาลี่ ซึ่งสามารถรับประทานได้ทั้งเปลือก หรือผลไม้เปลือกหนาเช่น เงาะ ลิ้นจี่ ลำไย ฯลฯ บางท่านที่รับประทานไม่ถูกวิธี อาจใช้ปากแทะแทนการปอกเปลือกด้วยมือ อาจทำให้ได้รับสารเคมีที่ติดอยู่บนเปลือกของผลไม้อย่างเช่นการรับประทาน ลำไย โดยใช้ปากกัดเปลือก แทนการใช้มือ เนื่องจากลำไย เป็นผลไม้ที่มีรสหวานจัด หลังจากรับประทานเข้าไปเป็นจำนวนมาก อาจรู้สึกเจ็บคอ ร้อนใน ตาแฉะ บางครั้งอาจรู้สึกว่าคอบวม ระคายเคืองหลอดอาหาร เนื่องจากลำไย เป็นผลไม้ที่มียางมาก และถ้าไม่ล้างยางให้สะอาดเสียก่อน อาจทำให้เกิดการระคายเคืองได้

วิธีการรับประทานผลไม้อย่างถูกต้อง คือ ก่อนรับประทานทุกครั้งควรล้างให้สะอาดเสียก่อน ด้วยน้ำสะอาด หรืออาจล้างด้วยน้ำเกลือ (เจือจาง) จากนั้นจึงนำมารับประทานได้ตามปกติ ถ้าเป็นเงาะหรือผลไม้ที่เปลือกหนาที่ไม่สามารถใช้มือในการปอกเปลือกได้ ควรใช้มีดในการปอกทุกครั้ง

และถ้าเกิดอาการเจ็บคอหลังจากรับประทานผลไม้รสหวาน อย่างทุเรียน ลำไย สามารถแก้อาการได้โดยจิบน้ำอุ่นบ่อย ๆ และรับปรานอาหารเหลว อุ่น ๆ อย่างข้าวต้ม โจ๊ก หรือซุป เพื่อลดการระคายเคือง

2009-01-23

กรีนที เพื่อสุขภาพดีอย่างธรรมชาติ

กรีนที เพื่อสุขภาพดีอย่างธรรมชาติ
ใคร ๆ ก็ ว่าธรรมชาติมักสร้างสรรค์สิ่งที่ดีที่สุดจริงแค่ไหนลองดูกรีนทีหรือชาเขียวซิ นอกจากอร่อยชื่นใจแล้ว ยังมีประโยชน์ต่อการทำงานทุกระบบในร่างกายของเรา ไม่ว่าจะเป็นระบบประสา กล้ามเนื้อ ย่อยอาหาร เผาผลาญอาหาร ระบบหลอดเลือด และหัวใจ
ใบชาเขียวธรรมชาติ มีสารประกอบตามธรรมชาติมากมาย ล้วนแล้วแต่เป็นประโยชน์ต่อการทำงานของระบบต่าง ๆ ในร่างกายทั้งสิ้น เช่น ประโยชน์ต่อระบบประสาท คือ ช่วยให้ร่างกายตื่นตัว กระฉับกระเฉง สดชื่น ประโยชน์ต่อระบบการย่อยอาหาร ช่วยให้ร่างกายหลั่งน้ำย่อย การดื่มชาเขียวหลังอาหาร จึงช่วยให้คุณสดชื่น ไม่อึดอัด รวมทั้งยังมีผลต่อระบบกล้ามเนื้อ โดยช่วยให้กล้ามเนื้อผ่อนคลายคุณจึงไม่รู้สึกเหนื่อยง่ายอีกด้วย
นอกจากนี้สารธรรมชาติในใบชาเขียวมีประโยชน์ต่อระบบหลอดเลือดและหัวใจ โดยช่วย ลดระดับคอเลสเตอรอล และลดความเสี่ยงต่อการเกิดไขมันอุดตันในเส้นเลือด ดังนั้น คนดื่มชาเขียวจึงมีหลอเลือดและหัวใจที่แข็งแรง
และสุดท้ายซึ่งเป็นยอดปรารถนาของทุกคน คือ ชาเขียวมีผลต่อผิวพรรณ เพราะสารโพลีฟีนอลในชาเขียวช่วยลดการเกิดอนุมูลอิสระ จึงชะลอความชรา ช่วยให้ผิวพรรณสดชื่นอ่อนเยาว์ได้เป็นอย่างดี
นอกจากนี้ ชาเขียวยังอุดมด้วยวิตามิน และสารที่ทำให้ร่างกายสมบูรณ์แข็งแรง ทำงานได้อย่างสมดุลอีกด้วย
มีของวิเศษใกล้ตัวอย่างนี้แล้ว จะเฉยอยู่ได้ยังไง มาดื่มให้อร่อยชื่นใจ และรับประโยชน์จากใบชาเขียวธรรมชาติแท้ ๆ กันดีกว่า

2009-01-08

ประโยชน์มากมายจากผักกาด

ประโยชน์มากมายจากผักกาด

ผักกาด จัดเป็นผักประเภทกินใบ ได้แก่ ผักกาดขาว ผักกาดดำ ซึ่งถือว่าเป็นผักพื้นเมืองในไทย ดองได้อร่อยกว่าผักดองเปรี้ยวเค็มชนิดอื่น ผักกาดขาวปลีที่ชาวไร่ปลูกขายในโรงงาน ปรุงสดๆ จะขมเฝื่อน แต่ถ้าดองแล้วรสชาติดี กรอบไม่ยุ่ย เก็บไว้ได้นานไม่เสีย หากปลูกกันมาก จะมีราคาถูก ต่ำสุดอยู่ที่ กก.ละ 30 สตางค์ หากในหน้าแล้งปลูกน้อย ราคาจะแพงถึง กก.ละ 5 บาทเลยทีเดียว กะหล่ำปลีและผักกาดกวางตุ้งอยู่ในตระกูลเดียวกัน ปลูกกันมากที่สุดในประเทศจีน สามารถนำมาทำเป็นแกงผักกาดจอและทำมัสตาร์ดขายไปทั่ว คะน้า ก็เป็นผักกาดอย่างหนึ่ง เชื่อว่ามีส่วนช่วยในการเสริมสร้างกระดูกได้แข็งแรง และผักกาดโสภณ หรือผักฮ่องเต้ จะมีราคาแพงหน่อย แต่ก็มีสารอาหารพอๆ กัน


ผักกาดกินดอก เช่น กะหล่ำดอก ในทางวิทยาศาสตร์ได้ค้นพบแล้วว่า อุดมไปด้วยสารต่างๆ ที่ช่วยป้องกันการเกิดเซลล์มะเร็ง คนไทยในอดีต จึงคั้นเอาแต่น้ำสดๆ อมกลั้วคอ รักษาอาการร้อนใน และทารักษาโรคเรื้อนกวาง บร็อคโคลี่ ก็นับว่าเป็นตระกูลเดียวกับผักกาด มีชื่อเรียกอีกอย่างหนึ่งว่า กะหล่ำดอกอิตาเลียน
ผักทั้ง 2 ชนิดนี้ ดอกกะหล่ำสวยๆ ขาวๆ ชาวสวนจะใช้ยาฆ่าแมลงและยากันเชื้อราฉีดลงไปทุกๆ วันนกว่าจะตัดขาย ซึ่งถ้าไม่ทำเช่นนั้นแล้ว ผักก็จะถูกหนอนเจาะ และเชื้อดำระบาดบนดอก ซึ่งจะต้องหมั่นล้างและแช่ผักเพื่อให้สารเคมีของยาฆ่าแมลงหมดไป บร็อคโคลี่ กินได้สบายปาก แมลงมักไม่ค่อยะมารังควานเท่าไหร่นัก อีกทั้งยังไม่เป็นที่นิยมรับประทานกันสักเท่าไหร่ จึงปลูกน้อย รวมทั้งปลูกให้ดูดีก็ยาก เพราะชอบอากาศที่หนาวเย็นมาก

ผักอีกอย่างที่อยู่ในตระกูลเดียวกับผักกาด ก็คือ หัวผักกาด ซึ่งกินแต่ส่วนหัว เช่น นำมาทำแกงจืด แกงส้ม หัวไชเท้า และดองไชโป๊หวาน และโหระพา ซึ่งเด็ดเอาแต่ใบ ล้างและแช่น้ำให้สดและกรอบ
สำหรับคุณค่าอาหารในผักกาด ที่เก็บมาฝากก็มีดังต่อไปนี้ บร็อคโคลี่ ซึ่งมีพลังงานมากกว่าผักชนิดอื่นๆ รองลงมา ก็คือ คะน้า หัวไชโป๊ กะหล่ำดอก ผักกาดขาวปลี(อีลุ้ย) และกวางตุ้ง ส่วนผักกาดหอม(ผักสลัด) ผักกาดแก้วที่ปลูกบนดอยสูง กับผักกาดนกเขา ไม่จัดเป็นผักในวงศ์เครือญาติของผักกาด ฝรั่งได้บอกว่า มันเป็นผักกาดปลอม

หากอยากจะทานผักกาดให้อร่อย ต้องปรุงให้สุกอย่างเร็ว โดยใส่ลงไปในน้ำเดือดจัดๆ ประมาณ 3 นาที ยกลงออกจากเตา หรือผัดด้วยไฟแรง และถ้าต้องการทำสลัด ก็ฉีกด้วยมือ ผักจะสดกรอบดีกว่าหั่นมีด
นักวิทยาศาสตร์ เชื่อว่า ผักตระกูลผักกาด เป็นผักที่รักษาโรคครอบจักรวาล จึงแนะนำให้รับประทานผักอยู่เสมอ ซึ่งจะช่วยป้องกันกระดูกพรุน หูตาที่ฝ้ามัว ป้องกันมะเร็ง หรือกินคะน้าที่สร้างเสริมกระดูกให้แข็งแรง จึงขึ้นชื่อว่า ผักสร้างกระดูก สารสำคัญที่พบในผักเหล่านี้ ก็คือ ซันโฟราเฟน (sulforaphane) สารผลึกอินโดลส์ (indoles) กรดธรรมชาติโฟลิก (folic acid) และกำมะถัน (sulphur)

แพทย์แผนไทยโบราณ ได้จัดผักกาดเป็นสมุนไพร ซึ่งสามารถนำผักจำพวกผักกาดต้มน้ำ ดื่มแก้เจ็บคอ หยดเป็นยาล้างแผลเรื้อรัง หอบหืด อีกวิธีหนึ่งคือ บดผักกาดหรือกวางตุ้ง คั้นเอาแต่น้ำ1 ถ้วย เทลงไปในน้ำเดือดจัด 2 ช้อนโต๊ะตั้งบนไฟ รีบยกออก ทิ้งไว้ให้อุ่น ดื่มแทนน้ำเสริมพลังงาน ลดอาการแก่ชราที่ความจำไม่ค่อยดีได้ ซึ่งเป็นแบบอย่างของจีน

จีน เป็นชาติที่น่านับถือในเรื่องการดูแลสุขภาพ เห็นว่ามีการตั้งโรงงานผลิตน้ำผักกาดสกัดเป็นแคบซูลขาย ซึ่งเป็นอาหารเสริม นับว่าสะดวกอย่างมาก


เราสามารถลวกใบผักกาดขาว ตัดเป็นชิ้นๆ โรยกับเกลือ น้ำส้ม น้ำตาล เหยาะน้ำมันงาบริสุทธิ์ 1 ช้อนชา หมักประมาณ 10 นาที ทานกับข้าวต้มทุกวัน จะฟื้นตัวจากไวรัสตับอักเสบบีได้รวดเร็ว

สำหรับผักกาดเขียวปลี ครึ่งกก. เต้าหู้ขาว 3 ชิ้น มะขามป้อมลูกโต 8 ลูก ขิงสดแง่งใหญ่ นำไปต้มกับน้ำ 4 แก้ว ดื่มหลังอาหาร แก้อาการหวัดเย็นได้ อีกวิธีหนึ่ง คือ นำผักกาดเขียวปลี 1 กก.กับแห้วสดครึ่งกก. ต้มดื่มเป็นน้ำชา แล้วบีบมะนาวลงไปด้วย ช่วยขับปัสสาวะและลดความร้อนในร่างกาย ป้องกันโรคนิ่วได้

แต่ประโยชน์ของผักจะมีสูงสุด หากมีผักสวนครัวปลอดสารพิษ ที่เราสามารถใช้เวลาว่างปลูกเองได้ นับว่าดีทีเดียว


ที่มา : mcot

2009-01-03

อาหารสำหรับผู้เป็นเบาหวาน

อาหารสำหรับผู้เป็นเบาหวาน

ก้าวแรกในการนำไปสู่การกินอย่างมีคุณภาพ
อาหารสำหรับผู้เป็นเบาหวานคือ อาหารทั่วไปที่ไม่แตกต่างจากอาหารที่ทุกคนในครอบครัวควรรับประทาน แต่เป็นอาหารที่มีความหลากหลายที่ร่างกายต้องการครบถ้วนและสมดุล จึงเป็นอาหารที่ทุกคนในครอบครัวสามารถรับประทานร่วมกับผู้ป่วยได้ สิ่งที่จะต้องคำนึงถึงเสมอคือปริมาณและชนิดของอาหารที่ควรรับประทาน


โดยเฉพาะอย่างยิ่งปริมาณและชนิดของแป้งและไขมัน เป็นสิ่งสำคัญในการควบคุมระดับน้ำตาลและไขมันในเลือดรวมถึงการรักษาน้ำหนักตัวให้อยู่ในเกณฑ์ปกติ นอกจากนี้ สิ่งที่ควรปฎิบัติให้เป็นนิสัยคิอการรับประทานอาหารมื้อหลักหรืออาหารว่างให้เป็นเวลาทุกวัน และรับประทานในปริมาณที่ใกล้เคียงกันในแต่ละวัน ไม่งดอาหารมื้อใดมื้อหนึ่ง ผู้ป่วยสามารถที่จะลองอาหารแปลกๆ ใหม่ๆ ได้เพื่อไม่ให้เกิดความจำเจถ้าต้องการลดน้ำหนัก ให้ลดอาหารที่รับประทานในแต่ละวันแต่ไม่ควรงดมื้อใดมื้อหนึ่ง เพราะอาจจะทำให้รับประทานเกินอัตราในมื้อต่อไป ส่งผลให้ระดับน้ำตาลในเลือดขึ้นลงไม่สม่ำเสมอ

ผู้เป็นเบาหวานอาจใช้ปิรามิดแนะแนวอาหารหรือธงโภชนบัญญัติของไทยเป็นแนวทางเลือกรับประทานอาหารได้หลากหลายและสมดุล เนื่องจากไม่มีอาหารชนิดใดชนิดเดียวที่จะให้สารอาหารครบถ้วน ควรเลือดรับประทานอาหารให้ครบหมวดหมู่ทุกวัน เพื่อให้ได้พลังงานและคุณค่าที่พอเหมาะกับร่างกายของแต่ละคนซึ่งขึ้นอยู่กับ อายุ เพศ ขนาดรูปร่าง และระดับกิจกรรมการทำงานในแต่ละวัน ปรึกษานักโภชนบำบัดเพื่อรับคำแนะนำในการรับประทานอาหารอย่างถูกต้อง รวมถึงระดับพลังงานที่เหมาะสมในการควบคุมเบาหวามอย่างมีคุณภาพ

สิ่งที่ผู้เป็นเบาหวานควรให้ความสนใจกับฉลากโภชนาการ

- ควรเปรียบเทียบปริมาณหนึ่งหน่วยบริโภคกับหมวดอาหารแลกเปลี่ยนซึ่งโดยปกติจะไม่เท่ากัน- ปริมาณคาโบร์ไฮเดรตทั้งหมดและปริมาณน้ำตาล จะช่วยให้ผู้เป็นเบาหวานสามารถแลกเปลี่ยนอาหารประเภทขนมหวานได้เล็กน้อยในบางโอกาส- ปริมาณพลังงาน ไขมันรวม ไขมันอิ่มตัว และคอเลสเตอรอล สำหรับผู้ที่ต้องการนับพลังงานและไขมัน รวมถึงผู้ที่ต้องการควบคุมคอเลสเตอรอลและน้ำหนักตัว- ปริมาณโซเดียมเป็นประโยชน์สำหรับผู้ที่มีโรคความดันและลดความเสี่ยงของโรคไต

แนวทางการบริโภคเพื่อสุขภาพประจำวัน

1.ข้าว/แป้ง/ถั่ว/เมล็ดธัญพืช
- ควรเลือกรับประทานข้าวซ้อมมือหรือขนมปังที่ทำจากแป้งที่ไม่ได้ขัดสีเพื่อให้ร่างกายได้รับเส้นใย
อาหารมากขึ้น
- ธัญพืช เช่น ถั่วเขียว ถั่วดำ ถั่วแดง เป็นแหล่งของใยอาหาร
- เลือกอาหารว่างที่มีไขมันต่ำ เช่น ข้าวโพด เผือก มัน ฟักทอง ขนมปัง ธัญพืช เป้นต้น

2.ผัก
- เลือกรับประทานผักให้หลากหลาย เพื่อให้ได้รับวิตามิน เกลือแร่ และใยอาหารเพียงพอ
- หลีกเลี่ยงการผัดผักด้วยน้ำมันมากๆหรือการเติมซอสที่เค็มจัด

3.ผลไม้
- เลือกผลไม้สดแทนน้ำผลไม้ เพราะจะได้กากใยอาหารมากกว่า
- ถ้าเลือกน้ำผลไม้แทนผลไม้สด ควรเป้นน้ำผลไม้ 100 %

4.นม และผลิตภัณฑ์นม(พร่อง หรือขาดไขมัน)
- เลือกนม และผลิตภัณฑ์นมพร่องมันเนย นอกจากให้โปรตีนสูงแล้ว ยังให้แคลเซี่ยมสูงด้วย
- หลีกเลี่ยงนมปรุงแต่งรสต่างๆ

5.โปรตีน หรือเนื้อสัตว์ (ไขมันต่ำ)
- เลือกปลาและเต้าหู้ให้บ่อยขึ้น
- เลือกเนื้อล้วน ไม่ติดหนัง และมัน
- ผู้ที่มีไขมันในเลือดสูง ควรจำกัดปริมาณไข่แดง เครื่องในสัตว์ เป็นต้น

6.ไขมัน ของหวาน แอลกอฮอล์ อาหารที่มีเกลือสูง
- หลีกเลี่ยงขนมหวานที่มีทั้งน้ำตาลและไขมันสูง เช่น คุกกี้ เค้ก ไอศกรีม เป็นต้น
- หากต้องการรสชาติหวานอาจเลือกใช้ผลิตภัณฑ์สารให้ความหวานแทนน้ำตาล
- จำกัดไขมันที่จะใช้ปรุงอาหารแม้จะเป็นน้ำมันพืช
- หลีกเลี่ยงไขมันสัตว์ เช่น น้ำมันหมู หมูสามชั้น และเนยสด
- จำกัดกะทิ
- หลีกเลี่ยงการทอด และผัดที่ใช้น้ำมันมาก
- ปรุงอาหารโดยวิธี ตุ๋น ต้ม นึ่ง ย่าง อบ ยำ
- หลีกเลี่ยงอาหารหมักดองที่มีส่วนผสมของเกลือสูง
- หลีกเลี่ยงเครื่องดื่มที่มีแอลกอฮอล์ ซึ่งให้พลังงานใกล้เคียงกับไขมัน และร่างกายสามารถเปลี่ยนเป็นไขมัน(ไตรกีเซอร์ไรด์)ได้

2009-01-02

ผักผลไม้ 7 อย่าง ที่คุณผู้หญิงไม่ควรพลาด

ผักผลไม้ 7 อย่าง ที่คุณผู้หญิงไม่ควรพลาด

เพื่อสุขภาพพลานามัยที่ดีของคุณสาวๆ ขอแนะนำผักผลไม้ 7 ชนิด สำหรับคุณผู้หญิงที่ได้รับการพิสูจน์แล้วว่า มีสารที่เป็นประโยชน์แก่หญิงทุกวัย ทำให้ผิวพรรณเปล่งปลั่งงดงาม และยังช่วยชะลอความชราได้อีกด้วย ดังนี้

• ลูกพรุน (Prunes) ลูกพรุนเป็นแหล่งที่ดีของโปแตสเซียม เหล็กและไฟเบอร์ที่สำคัญพรุนช่วยทำให้ผิวพรรณมีเลือดฝาด ผู้หญิงเรา เมื่อผ่านช่วงสดใสของชีวิต คือวัยยี่สิบห้า ร่างกายก็จะเริ่มเสื่อมโทรม ไขมันเริ่มเข้าสะสมตามที่ต่างๆ มากมาย ใบหน้าที่เคยอวบอิ่มด้วยเลือดฝาดก็เริ่มหมองคล้ำ ผิวพรรณจะเป็นสีชมพู-ระเรื่อหรือซีดโทรม เกิดได้หลาย สาเหต เช่นผิวมีความหนามากขึ้นตามวัยจนมองไม่เห็น เลือดฝาด หรือเลือดไม่มีให้ฝาดคือเป็นโรคโลหิตจาง นั่นเอง พรุนเป็นแหล่งธาตุเหล็กที่ดี พรุนแห้งหนึ่งขีดมีธาตุเหล็ก 2.78มิลลิกรัมและมีวิตามิน ซี ซึ่งช่วยในการ ดูดซึมธาตุต่างๆ เข้าสู่ร่างกาย ดังนั้นหากคุณผู้หญิงอยากมีร่างกายแข็งแรง สมบูรณ์ริมฝีปากแดงสดเหมือน สตรอเบอรี่ แก้มแดงใสเหมือนลูกเชอรี่โดยไม่ต้องใช้เครื่องสำอางดูเป็นคนที่มีสุขภาพดีสมบูรณ์ด้วยเลือดฝาด ลองรับประทานลูกพรุนสดๆ หรือลูกพลัมดูสิค่ะไม่เลวเลยทีเดียว
• ถั่ว ผู้หญิงทุกคนอยากมีหุ่นสวยเพรียว ไม่มีไขมันส่วนเกินสะสม “ถั่วช่วยคุณได้ค่ะ” ถั่วเป็นอาหารที่อุดมไปด้วย โปรตีน เหล็ก วิตามินบี นอกจากนี้นักวิทยาศาสตร์ยังค้นพบว่าเมื่อคุณรับประทานอาหารที่มีไฟเบอร์ ชนิดที่ ละลายน้ำได้ (ซึ่งถั่วมีอยู่แล้วมากมาย) ไฟเบอร์จะเคลือบผิวกระเพาะทำให้รู้สึกอิ่มเร็วและอิ่ม-นานความอยาก อาหารจะลดลง ซึ่งแน่นอนว่ามีประโยชน์กับคุณสุภาพสตรีที่ต้องการลดความอ้วนเป็นอย่างมาก
• บรอคโคลี่ เป็นพืชอีกชนิดหนึ่งที่เหมาะอย่างยิ่งสำหรับคุณสุภาพสตรีทั้งหลายเพราะบรอค-โคลี่เป็นแหล่งซีลีเนียมตาม ธรรมชาติซึ่งเจ้าตัวซีลีเนียมนี้แหละค่ะ ที่ช่วยบำรุงผิวพรรณ (ซีลี-เนียมจะช่วยเพิ่มความยืดหยุ่นให้กับผิวหนัง จึงทำให้ผิวดูอ่อนวัยนุ่มนิ่ม มีน้ำมีนวลเหมือนหนุ่มสาว) แถมยังช่วยลบริ้วรอยเหี่ยวย่นอีกด้วย

• กล้วยไข่ กล้วยทุกชนิดดีต่อสุขภาพแต่กล้วยไข่ดีเป็นพิเศษ ในเรื่องของสารต้านอนุมูลอิสระที่เรารู้จักกันดี คือ เบต้าแคโรทีนโดยธรรมชาติ เมื่อเราอายุพ้นยี่สิบสองไปแล้วความเจริญเติบโตของร่างกายจะเริ่มหยุดชะงัก ความเสื่อมในส่วนต่างๆของร่างกายก็จะเริ่มมาเยือนอย่างช้าๆ ขณะนั้นเองมีสองสิ่งที่สำคัญเกิดขี้นในร่างกาย ของเรา ซึ่งก็คือสิ่งแรก เซลล์ในร่างกายทุกเซลล์จะผลิตอนุมูลอิสระมากขึ้นสิ่งที่สองความสามารถในการ ซ่อมแซมส่วนที่สึกหรอของร่างกายจะลดลงเรื่อยๆพร้อมกันนั้นความสามารถในการจำกัดอนุมูลอิสระ (Detoxification) ก็ลดลงอย่างน่าตกใจเช่นกันดังนั้น กลยุทธ์ที่คุณจะสู้กับความแก่ด้วยตนเองก็คือคุณต้อง รับประทานอาหารที่มีฤทธิ์ต้านอนุมูลอิสระให้มากซึ่งสารนี้เรารู้จักในชื่อที่ เรียกว่า แอนตี้ออกซิแดนท์ (Antioxidants) ซึ่งในกล้วยไข่ 1 ขีด มีสารเบต้าแคโรทีนถึง 492 มิลลิกรัม

• ฝรั่ง คุณผู้หญิงทั้งหลายทราบหรือไม่คะว่าฝรั่ง 1 ขีดมีวิตามินซีสูงถึง180 มิลลิกรัม วิตามินซีมีบทบาทในการสร้าง คอลลาเจนที่ทำให้ผิวพรรณบนใบหน้าของคุณเต่งตึงไม่แก่ก่อนวัยวิตามินซี เป็นสารต้านอนุมูลอิสระ ซึ่งเจ้าตัว สารต้านอนุมูลอิสระนี้เองที่ทำให้คอลลาเจนและอีลาสตินเสื่อมสภาพผิวหนังแห้งเหี่ยว เกิดริ้วรอยตีนกาวิตามินซี มีความสำคัญต่อการสร้าง และบำรุงเนื้อเยื่อเกี่ยวพัน(ConnectiveTissue) เซลล์นับล้านๆตัวเกาะเกี่ยวกัน เป็นร่างกายได้ด้วยเนื้อเยื่อที่เรียกว่า คอลลาเจนมันคือคอลลาเจนตัวเดียวกันกับคอลลาเจนที่ทำให้ผิวพรรณบน ใบหน้าของคุณผู้หญิงทั้งหลายเต่งตึงนั่นเอง และเพราะฝรั่งอุดมไปด้วยวิตามินซีนั่นเอง คุณๆ ทั้งหลายที่อยาก คงความเป็นหนุ่มเป็นสาวให้แก่ผิวสวยไว้นานๆน่าจะลองหันมารับประทานฝรั่งเป็นประจำนะคะ

• แอปเปิ้ล มีสารสำคัญ คือ เบต้าแคโรทีน วิตามินซีและเส้นใยไฟเบอร์ชนิดละลายน้ำ ที่ชื่อ “เพคติน” แต่ที่น่าสนใจสำคัญ คุณผู้หญิงทั้งหลายคือ เจ้าตัว “เพคติน” นี้มีคุณสมบัติช่วยลดความอยากอาหาร ลดน้ำหนักและลด โคเลสเตอรอล หากคุณหิวจนตาลาย แต่ยังไม่ถึงเวลาอาหารแอปเปิ้ลสักลูกจะช่วยลดความหิวได้เพราะ แอปเปิ้ลมีแป้งและน้ำตาลในรูปของน้ำตาลโมเลกุลเดี่ยวถึง 75 %ทำให้ร่างกายสามารถดูดซึมน้ำตาลพิเศษ ชนิดนี้ได้รวดเร็วและนำไปใช้ประโยชน์ได้ ในเวลาไม่เกิน 10 นาที ดังนั้นความอยากอาหารจึงลดลงทำให้คุณ ไม่รู้สึกหงุดหงิด หรืออ่อนเพลีย แอปเปิ้ล 2-3 ผลต่อวันช่วยลดปริมาณโคเลสเตอรอลในกระแสเลือดได้ เพราะแอปเปิ้ลมีเพคตินซึ่งเป็นไฟเบอร์ที่ละลายน้ำได้ ผลจากการวิจัยชี้ว่าเมื่อกรดในทางเดินอาหารย่อย สลายไขมันและแยกโคเลสเตอรอลออกมาเสร็จสิ้นแล้ว เพคตินจากแอปเปิ้ลจะไปคอยดักจับโคเลสเตอรอล เหล่านั้นและพาไปทิ้งก่อนที่จะถูกดูดกลับเข้าร่างกาย

• ส้ม แหล่งวิตามิน เกลือแร่ และเส้นใยธรรม-ชาติการรับประทานส้มโดยไม่คายกากจะช่วยคุมน้ำหนักได้อีกวิธีหนึ่ง เพราะจะทำให้รู้สึกอิ่มท้องเร็วเป็นประโยชน์สำหรับคนที่ต้องการลดน้ำหนักได้อย่างดีทีเดียวค่ะนอกจากนี้ หากรู้สึกหิวก่อนเวลา แทนที่จะนึกถึงเค้กก้อนโต หรือโดนัทชิ้นใหญ่ให้ลองหยิบส้มสักลูกเข้าปากแทนจะได้ ประโยชน์มากกว่าในราคาที่ถูกกว่าด้วยนะคะ

ผักและผลไม้ทั้ง 7 ชนิดที่กล่าวมาข้างต้นนั้นเป็นเพียงแนวทางเบื้องต้นสำหรับคุณๆผู้หญิงทุกท่านที่ต้องการ รักษาสุขภาพ นอกจากผักผลไม้ทั้งเจ็ดนี้แล้วผักและผลไม้อื่นๆ ก็มีคุณประโยชน์ไม่ยิ่งหย่อนไปกว่ากันสถาบัน โภชนาการแห่งชาติอเมริกาจึงได้แนะนำขนาด-ในการรับประทานผักผลไม้ในแต่ละวันว่า ควรจะรับประทาน รวมกันให้ได้วันละครึ่งกิโล หรือ 5 ขีดจะช่วยให้คุณๆทั้งหลายมีสุขภาพแข็งแรง แจ่มใส ปราศจากโรคภัย ไข้เจ็บมารบกวนค่ะ

ที่มา : หนังสือเภสัชโภชนา โดย ภก. สรจักร ศิริบริรักษ์